ปุ้ย ภรณ์ทิพย์ จากเด็กที่เกือบเรียนไม่จบ สู่เจ้าของแบรนด์มูสกำจัดขน COSMIC
หากพูดถึงแบรนด์มูสกำจัดขน เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จัก มูสกำจัดขน Cosmic เพราะถือว่าเป็นผู้เล่นในตลาดรายแรก ๆ ที่นำนวัตกรรมมูสช่วยกำจัดขนเข้ามาสู่ตลาดออนไลน์ประเทศไทย แต่กว่าจะสร้างแบรนด์ให้ติดตลาดและประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้ ปุ้ย ภรณ์ทิพย์ บอกว่าเส้นทางชีวิตของเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ แต่เพราะความอดทน และความมุมานะ เธอจึงพา COSMIC มาถึงวันนี้ได้
จากเด็กที่ต้องดรอปเรียนเพื่อมาทำงานหาเงินจุนเจือครอบครัว รายได้ 7,000–8,000 บาท ต่อเดือน หารายได้เสริมจากการเป็นตัวแทนขายเครื่องสำอางกำไร 200–1,000 บาทต่อวัน สู่การเป็นเจ้าของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ สร้างรายได้ต่อเดือนนับล้านบาท!
มาร่วมทำความรู้จักกับ ปุ้ย ภรณ์ทิพย์ CEO คนเก่งแห่ง บริษัท META COSMIC พร้อมหลักการทำงานที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จได้อย่างงดงาม รวมถึงการต่อยอดความสำเร็จและการสร้างยอดขายเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในตลาดที่ตัวเองอยู่จะมีการแข่งขันสูงและมีผู้เล่นหน้าใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา!
ชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ภรณ์ทิพย์ ยิ้มแย้ม หรือ ปุ้ย เล่าว่าตัวเองเติบโตในครอบครัวชนชั้นกลางจากจังหวัดอุบลราชธานี มีตากับยายเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก หลังเรียนจบมัธยมเธอได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย แต่เรียนได้เพียงเทอมเดียวก็ต้องหยุดเรียนเพราะทางบ้านไม่มีกำลังมากพอที่จะส่งเสียต่อ ซึ่งตัวเธอเองก็พยายามเข้าใจเหตุผล และรู้ว่าต้นทุนของตัวเองอาจจะมีไม่มากเท่าคนอื่น
"หลังจากหยุดเรียนปุ้ยก็ออกมาทำงานเป็นลูกจ้างโรงพยาบาล เงินเดือนตอนนั้นประมาณ 7,000 บาท"
ปุ้ยเล่าย้อนไปถึงช่วงที่ต้องหยุดเรียนแล้วออกมาทำงาน เมื่อเงินเดือนที่ได้ยังไม่พอใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จึงเริ่มทำงานเสริมเป็นตัวแทนขายสินค้าเพื่อหารายได้อีกทาง และกลับมาเรียนภาคเสาร์อาทิตย์อีกครั้ง โดยวันจันทร์ถึงศุกร์ยังทำงานที่โรงพยาบาลเช่นเดิม ส่วนตอนหลังเลิกงานก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปส่งของตามที่ลูกค้าสั่ง ชีวิตเป็นอย่างนี้ประมาณ 2 ปี จนเริ่มเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งจึงเริ่มสต็อกสินค้าและเริ่มได้กำไรมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการเป็นตัวแทนรายใหญ่ของจังหวัด
"พอเป็นตัวแทนได้สักปีสองปี สินค้าที่ขายอยู่ก็เริ่มหมดกระแสไป เลยคิดว่าเราน่าจะลองทำแบรนด์ของตัวเอง"
เธอเห็นโอกาสที่จะทำแบรนด์สินค้าขึ้นมาขาย เลยใช้เงินก้อนทั้งหมดที่มีในตอนนั้นสร้างแบรนด์มูสกำจัดขนขึ้นมา ซึ่งเป็นเงินก้อนสุดท้ายในชีวิต ขณะเล่าเธอพูดแบบติดตลกว่า ถ้าสินค้าขายไม่ได้ อาจจะต้องกินมูสกำจัดขนแทนข้าว เพราะไม่มีเงินเหลือที่จะซื้อข้าวกินแล้ว
หลังจากผลิตสินค้าล็อตแรกออกมาสู่ตลาด สินค้าก็ขายดีทันทีเพราะตอนนั้นยังไม่มีแบรนด์ไหนที่ทำสินค้าลักษณะนี้ออกมาขาย COSMIC เป็นมูสกำจัดขนเจ้าแรกในตลาดออนไลน์ขณะนั้น ในระยะเวลาไม่ถึงเดือนเธอสามารถขายสินค้าล็อตแรกได้ทั้งหมด และสร้างรายได้กว่า 2 ล้านบาท!
แต่ชีวิตก็ไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบเสมอไป เมื่อสั่งผลิตสินค้าล็อตสองที่มีจำนวนมากกว่าเดิม ก็เกิดปัญหาขึ้นกับทางโรงงานโดยที่ตัวคุณปุ้ยไม่ทันตั้งรับ ปัญหาครั้งนั้นเป็นบทเรียนครั้งสำคัญในชีวิต!
ทุกปัญหามีทางออกเสมอ
"โรงงานผลิตสินค้าให้เราไม่เหมือนกับล็อตแรก ทำให้สินค้าล็อตสองมีปัญหา และไปผลิตให้แบรนด์อื่น เลยทำให้มีคู่แข่งมากขึ้น"
ปุ้ยเล่าต่อว่าช่วงนั้นปัญหาถาโถมค่อนข้างหนัก ทั้งเรื่องที่โรงงานผลิตสินค้าที่ไม่ได้ตามมาตรฐานเดิม และหันไปผลิตให้คู่แข่งด้วย เธอเลยเรียกคืนสินค้ากลับมาทั้งหมด และเปลี่ยนโรงงานที่ผลิตสินค้าทันที ซึ่งคุณปุ้ยมองว่าตัวเองยอมขาดทุนดีกว่าปล่อยให้ลูกค้าใช้สินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อลูกค้าใช้แล้วไม่เห็นผล แบรนด์เองที่จะเกิดความเสียหายในระยะยาว ซึ่งกว่าเธอจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ก็ผ่านทุกอย่างมาได้ในที่สุด เพราะความไม่ย่อท้อของตัวเอง
สร้างจุดแข็งให้เราแตกต่างจากคนอื่น และสร้างจุดขายด้วยการก้าวนำคนอื่นอยู่เสมอ
เมื่อถามว่าอะไรคือจุดแข็งที่ทำให้มูสกำจัดขนของ COSMIC ยังขายดีอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น? ปุ้ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงภูมิใจว่า "การไม่หยุดพัฒนา ทำให้เราต่างจากคนอื่นค่ะ" ซึ่งการพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ดีขึ้นเป็นสิ่งที่เธอยึดมั่นเสมอมา โดยจุดแข็งของมูสกำจัดขนแบรนด์ COSMIC คือ ใช้แล้วขนหลุดจริง อ่อนโยน ไม่ระคายเคือง และเป็นแบรนด์เดียวที่ทำสูตรเย็น ทำให้สินค้าแตกต่างจากแบรนด์คู่แข่ง และก้าวนำคนอื่นอยู่เสมอ
นอกจากการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องแล้ว สิ่งที่ปุ้ยให้ความสำคัญมากไม่แพ้กันคือ ตัวแทนจำหน่ายของแบรนด์ COSMIC เพราะทุกคนคือครอบครัวของเธอ
การเป็นเจ้าของแบรนด์…ให้มองตัวแทนเหมือนคนในครอบครัว
"ตัวแทนหลายคนสามารถขายสินค้าจนมีบ้านมีรถได้ ปุ้ยและบริษัทพร้อมช่วยตัวแทนทุกคนเต็มที่"
ด้วยความที่ตัวเองเคยเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าคนอื่นมาก่อน ปุ้ยจึงเข้าใจดีว่าการจะขายสินค้าหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย หากเราไม่สอนวิธีการขายเลยตัวแทนอาจจะต้องแบกสต็อกคนเดียวและขาดทุนในที่สุด เธอจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวแทนทุกคนมีชีวิตดีขึ้นและสามารถขายสินค้าได้โดยไม่ต้องกังวล ทั้งเรื่องของการเพิ่มความรู้โดยการนัดเทรนด์ตัวต่อตัวก่อนรับสินค้าไปขาย จ้างโค้ชที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านการตลาดและการยิงแอดโฆษณามาสอนตัวแทนอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งการสร้างสื่อโฆษณาเพื่อให้ทุกคนสามารถนำสื่อไปโพสต์ขายได้ทันที โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายใด ๆ
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้…ถ้าเราไม่ละพยายาม
กว่าที่แบรนด์ COSMIC จะประสบความสำเร็จได้ไม่ใช่เรื่องง่าย และสิ่งที่ต้องทำต่อคือการต่อยอด ซึ่งนอกจากมูสกำจัดขนแล้วคุณปุ้ยยังผลิตสินค้าอื่น ๆ เช่น สครับขมิ้นไพลสด และได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดี ซึ่งกว่าที่เธอจะมาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เส้นทางที่เดินมาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เพราะความพยายามและไม่ถอดใจไปก่อน จึงทำให้เธอประสบความสำเร็จ
ปุ้ยพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นว่า อยากให้คนที่กำลังท้อหรือกำลังเหนื่อยได้ดูชีวิตของเธอว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายเลย ก่อนที่จะทิ้งท้ายว่า
ภรณ์ทิพย์ ยิ้มแย้ม หรือ ปุ้ย เล่าว่าตัวเองเติบโตในครอบครัวชนชั้นกลางจากจังหวัดอุบลราชธานี มีตากับยายเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก หลังเรียนจบมัธยมเธอได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย แต่เรียนได้เพียงเทอมเดียวก็ต้องหยุดเรียนเพราะทางบ้านไม่มีกำลังมากพอที่จะส่งเสียต่อ ซึ่งตัวเธอเองก็พยายามเข้าใจเหตุผล และรู้ว่าต้นทุนของตัวเองอาจจะมีไม่มากเท่าคนอื่น
"หลังจากหยุดเรียนปุ้ยก็ออกมาทำงานเป็นลูกจ้างโรงพยาบาล เงินเดือนตอนนั้นประมาณ 7,000 บาท"
ปุ้ยเล่าย้อนไปถึงช่วงที่ต้องหยุดเรียนแล้วออกมาทำงาน เมื่อเงินเดือนที่ได้ยังไม่พอใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จึงเริ่มทำงานเสริมเป็นตัวแทนขายสินค้าเพื่อหารายได้อีกทาง และกลับมาเรียนภาคเสาร์อาทิตย์อีกครั้ง โดยวันจันทร์ถึงศุกร์ยังทำงานที่โรงพยาบาลเช่นเดิม ส่วนตอนหลังเลิกงานก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปส่งของตามที่ลูกค้าสั่ง ชีวิตเป็นอย่างนี้ประมาณ 2 ปี จนเริ่มเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งจึงเริ่มสต็อกสินค้าและเริ่มได้กำไรมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการเป็นตัวแทนรายใหญ่ของจังหวัด
"พอเป็นตัวแทนได้สักปีสองปี สินค้าที่ขายอยู่ก็เริ่มหมดกระแสไป เลยคิดว่าเราน่าจะลองทำแบรนด์ของตัวเอง"
เธอเห็นโอกาสที่จะทำแบรนด์สินค้าขึ้นมาขาย เลยใช้เงินก้อนทั้งหมดที่มีในตอนนั้นสร้างแบรนด์มูสกำจัดขนขึ้นมา ซึ่งเป็นเงินก้อนสุดท้ายในชีวิต ขณะเล่าเธอพูดแบบติดตลกว่า ถ้าสินค้าขายไม่ได้ อาจจะต้องกินมูสกำจัดขนแทนข้าว เพราะไม่มีเงินเหลือที่จะซื้อข้าวกินแล้ว
หลังจากผลิตสินค้าล็อตแรกออกมาสู่ตลาด สินค้าก็ขายดีทันทีเพราะตอนนั้นยังไม่มีแบรนด์ไหนที่ทำสินค้าลักษณะนี้ออกมาขาย COSMIC เป็นมูสกำจัดขนเจ้าแรกในตลาดออนไลน์ขณะนั้น ในระยะเวลาไม่ถึงเดือนเธอสามารถขายสินค้าล็อตแรกได้ทั้งหมด และสร้างรายได้กว่า 2 ล้านบาท!
แต่ชีวิตก็ไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบเสมอไป เมื่อสั่งผลิตสินค้าล็อตสองที่มีจำนวนมากกว่าเดิม ก็เกิดปัญหาขึ้นกับทางโรงงานโดยที่ตัวคุณปุ้ยไม่ทันตั้งรับ ปัญหาครั้งนั้นเป็นบทเรียนครั้งสำคัญในชีวิต!
ทุกปัญหามีทางออกเสมอ
"โรงงานผลิตสินค้าให้เราไม่เหมือนกับล็อตแรก ทำให้สินค้าล็อตสองมีปัญหา และไปผลิตให้แบรนด์อื่น เลยทำให้มีคู่แข่งมากขึ้น"
ปุ้ยเล่าต่อว่าช่วงนั้นปัญหาถาโถมค่อนข้างหนัก ทั้งเรื่องที่โรงงานผลิตสินค้าที่ไม่ได้ตามมาตรฐานเดิม และหันไปผลิตให้คู่แข่งด้วย เธอเลยเรียกคืนสินค้ากลับมาทั้งหมด และเปลี่ยนโรงงานที่ผลิตสินค้าทันที ซึ่งคุณปุ้ยมองว่าตัวเองยอมขาดทุนดีกว่าปล่อยให้ลูกค้าใช้สินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อลูกค้าใช้แล้วไม่เห็นผล แบรนด์เองที่จะเกิดความเสียหายในระยะยาว ซึ่งกว่าเธอจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ก็ผ่านทุกอย่างมาได้ในที่สุด เพราะความไม่ย่อท้อของตัวเอง
สร้างจุดแข็งให้เราแตกต่างจากคนอื่น และสร้างจุดขายด้วยการก้าวนำคนอื่นอยู่เสมอ
เมื่อถามว่าอะไรคือจุดแข็งที่ทำให้มูสกำจัดขนของ COSMIC ยังขายดีอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น? ปุ้ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงภูมิใจว่า "การไม่หยุดพัฒนา ทำให้เราต่างจากคนอื่นค่ะ" ซึ่งการพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ดีขึ้นเป็นสิ่งที่เธอยึดมั่นเสมอมา โดยจุดแข็งของมูสกำจัดขนแบรนด์ COSMIC คือ ใช้แล้วขนหลุดจริง อ่อนโยน ไม่ระคายเคือง และเป็นแบรนด์เดียวที่ทำสูตรเย็น ทำให้สินค้าแตกต่างจากแบรนด์คู่แข่ง และก้าวนำคนอื่นอยู่เสมอ
นอกจากการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องแล้ว สิ่งที่ปุ้ยให้ความสำคัญมากไม่แพ้กันคือ ตัวแทนจำหน่ายของแบรนด์ COSMIC เพราะทุกคนคือครอบครัวของเธอ
การเป็นเจ้าของแบรนด์…ให้มองตัวแทนเหมือนคนในครอบครัว
"ตัวแทนหลายคนสามารถขายสินค้าจนมีบ้านมีรถได้ ปุ้ยและบริษัทพร้อมช่วยตัวแทนทุกคนเต็มที่"
ด้วยความที่ตัวเองเคยเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าคนอื่นมาก่อน ปุ้ยจึงเข้าใจดีว่าการจะขายสินค้าหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย หากเราไม่สอนวิธีการขายเลยตัวแทนอาจจะต้องแบกสต็อกคนเดียวและขาดทุนในที่สุด เธอจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวแทนทุกคนมีชีวิตดีขึ้นและสามารถขายสินค้าได้โดยไม่ต้องกังวล ทั้งเรื่องของการเพิ่มความรู้โดยการนัดเทรนด์ตัวต่อตัวก่อนรับสินค้าไปขาย จ้างโค้ชที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านการตลาดและการยิงแอดโฆษณามาสอนตัวแทนอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งการสร้างสื่อโฆษณาเพื่อให้ทุกคนสามารถนำสื่อไปโพสต์ขายได้ทันที โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายใด ๆ
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้…ถ้าเราไม่ละพยายาม
กว่าที่แบรนด์ COSMIC จะประสบความสำเร็จได้ไม่ใช่เรื่องง่าย และสิ่งที่ต้องทำต่อคือการต่อยอด ซึ่งนอกจากมูสกำจัดขนแล้วคุณปุ้ยยังผลิตสินค้าอื่น ๆ เช่น สครับขมิ้นไพลสด และได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดี ซึ่งกว่าที่เธอจะมาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เส้นทางที่เดินมาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เพราะความพยายามและไม่ถอดใจไปก่อน จึงทำให้เธอประสบความสำเร็จ
ปุ้ยพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นว่า อยากให้คนที่กำลังท้อหรือกำลังเหนื่อยได้ดูชีวิตของเธอว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายเลย ก่อนที่จะทิ้งท้ายว่า
"เราอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เราถึงต้องพยายามมากกว่าคนอื่น ถึงต้นทุนเราจะมีไม่เท่ากัน แต่ปุ้ยเชื่อว่าคนเราสามารถประสบความสำเร็จได้จากความตั้งใจและความมุมานะของตัวเอง"
ที่มา: https://upressrelease.cuvw.xyz/2022/08/cosmic.html (ดูภาพประกอบเพิ่มเติม)
ไม่มีความคิดเห็น