Header Ads

ทาทา สตีล (TSTH) เผยผลประกอบการไตรมาส 3 และ 3 ไตรมาส ปีการเงิน 2023


ทาทา สตีล (ประเทศไทย) สรุปผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีการเงิน 2023 มีรายได้จากการขาย 6,909 ล้านบาท ขาดทุน 80 ล้านบาท ยอดรวม 3 ไตรมาส รายได้ฯ 23,260 ล้านบาท กำไรฯ 572 ล้านบาท

จากการเปิดเผยของ มร. ตารุน คูมาร์ ดากา (Mr. Tarun Kuma Daka) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เนื่องจากภาวะตลาดที่ซบเซาทำให้ความต้องการลดลงรวมถึงลูกค้ามีสินค้าคงเหลือจำนวนมาก เศรษฐกิจจีนยังคงชะลอตัวและปริมาณการส่งออกของสินค้าราคาถูกจากจีนครอบคลุมไปทั่วอาเซียน การแข็งค่าของเงินบาททำให้สินค้านำเข้าราคาลดลง และส่งผลกระทบให้ราคาสินค้าในประเทศลดลงตามไปด้วย ในขณะเดียวกันราคาวัตถุดิบอยู่ในระดับสูงจากข้อจำกัดด้านอุปทาน อีกทั้งต้นทุนด้านพลังงานเพิ่มขึ้นและไม่สามารถส่งต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ไปยังลูกค้าได้ในภาวะที่ตลาดซบเซา ความผันผวนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทแข็งค่าขึ้นเกือบร้อยละ 10 ภายใน 2 สัปดาห์ในเดือนพฤศจิกายน และยังคงแข็งค่าต่อเอกสารเมื่อไม่เทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ปัจจัยทั้งหมดนี้ทำให้บริษัทมีปริมาณการขายในไตรมาสที่ 3 ของปีการเงิน 2023 รวมทั้งสิ้น 289,000 ตัน เทียบกับไตรมาสแรกและไตรมาสที่ 2 ที่ 332,000 ตัน และ 303,000 ตันตามลำดับ รายได้จากการขาย 6,909 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสแรกและไตรมาสที่ 2 ที่ 8,100 ล้านบาท และ 7,625 ล้านบาท ทำให้ขาดทุน 80 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสแรกและไตรมาสที่ 2 ที่มีกำไรก่อนหักภาษีเงินได้ 587 ล้านบาทและ 69 ล้านบาทตามลำดับ ส่งผลให้การดำเนินงาน 3 ไตรมาสที่ผ่านมาของปีการเงิน 2023 มียอดขายรวมทั้งสิ้น 900,000 ตัน เทียบกับปีการเงิน 2022 ที่ 993,000 ตัน รายได้จากการขายรวมทั้งสิ้น 23,260 ล้านบาท และมีกำไรก่อนหักภาษีเงินได้ 572 ล้านบาท เทียบกับปีการเงิน 2022 ที่รายได้จากการขายรวม 23,886 ล้านบาท กำไรฯ 2,358 ล้านบาท

สำหรับการดำเนินธุรกิจท่ามกลางปัจจัยค่าไฟที่เพิ่มขึ้นสูงขึ้นนั้น ในระยะสั้นบริษัทจะใช้กลยุทธ์เพิ่มการผลิตให้มากในช่วงที่ค่าไฟถูกและผลิตน้อยลงในช่วงที่ค่าไฟสูงขึ้นเพื่อลดต้นทุน ส่วนในระยะยาวบริษัทได้ดำเนินโครงการไฟฟ้าโซล่ารูฟท็อป (Solar Rooftop) เพื่อสร้างกระแสไฟใช้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการ

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.