BC พุ่งเป้าปี 66 ธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ โมเดล BOS ดันงบสวย ตั้งเป้าคว้าเงินสดจากการขายโครงการไม่ต่ำกว่า 200 ลบ. หนุนรายได้ธุรกิจหลักแตะ 700 ลบ
บูทิค คอร์ปอเรชั่น (BC) กางแผนปี 66 ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบ BOS (สร้าง–ดำเนินการ–ขาย) เป็นธีมชูโรง คาดหวังปิดดีลขายโครงการในปีนี้ได้ต่อเนื่อง รับเงินสดจากการขายไม่ต่ำกว่า 200 ลบ. หลังความสำเร็จในการขายโครงการ โอ๊ควู้ด ในปี 65 ที่ผ่านมา ทำให้กลุ่ม BC รับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนในโครงการอยู่ที่ 295.1 ล้านบาท ด้านผู้บริหารมั่นใจ ภาพรวมธุรกิจอยู่ในเทรนด์ขาขึ้นรับการเปิดประเทศ และท่องเที่ยวคัมแบ็ก วางเป้ารายได้หลักจาก BOS เติบโตแตะระดับ 700 ลบ. แถมยังได้ธุรกิจกัญชาเป็นแรงหนุน
นายปรับ ทักราล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BC กลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้โมเดลธุรกิจ สร้าง (Build) – ดำเนินการ (Operate) – ขาย (Sale) หรือ BOS Model เปิดแผนปี 2566 บริษัทฯ คาดผลการดำเนินงานจะกลับมาเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ หลังมีการเปิดประเทศ และภาคการท่องเที่ยวสนับสนุน BC จะมีโอกาสเติบโตได้อีกไกล ทั้งในการรับรู้รายได้จากโครงการที่บริษัทฯ ดำเนินการ (Operate) ซึ่งปัจจุบันมี 11 โครงการ และแผนการขายโครงการออกมา (Sale)
โดยในปี 2566 บริษัทตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจหลัก (BOS) อยู่ที่ 700 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการดำเนินงานในธุรกิจโรงแรมและรีเทลที่ 500 ล้านบาท และตั้งเป้ารับเงินสดรวมจากการขายโครงการ ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท สะท้อนจากความสำเร็จในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขายออกโครงการโอ๊ควู้ด สตูดิโอส์ สุขุมวิท แบงค็อก (โอ๊ควู้ด สตูดิโอส์) ในซอยสุขุมวิท 36 หลังเปิดและบริหารงานเพียง 1 เดือนเท่านั้น ด้วยมูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท สร้างกำไรจากการขายเงินลงทุนในโครงการให้กลุ่ม BC อยู่ที่จำนวน 295.1 ล้านบาท
“บริษัทฯ มองว่าโมเดล BOS เป็นธุรกิจที่แตกต่างจากพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป เราเก่งในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้โครงการ บนที่ดินย่านทำเลทองทั้งในโซนสุขุมวิท และต่างจังหวัดแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ทำให้เราสามารถขายโครงการออกมาให้แก่ผู้ลงทุนได้ในมูลค่าที่สูง จึงมองว่า ในปี 2566 หลังการท่องเที่ยวกลับมาเต็มตัว จะเป็นโอกาสของ BC ทั้งในการรับรู้รายได้จากโครงการที่เรากำลังดำเนินการ (Operate) และไฮไลท์ในการขายโครงการออกมา ซึ่งจะทำให้ BC มีเงินสดจากการขายโครงการเข้ามาไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับราคาขาย และจำนวนโครงการที่เราขายในปีนี้” นายปรับ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างสร้าง (Build) จำนวน 6 โครงการ ได้แก่ โครงการกมลา 1, โครงการกมลา 2, โครงการนิมมาน 3, โครงการสุขุมวิท 5, โครงการสุขุมวิท 24-26 และในส่วนของรีเทล คือโครงการเชิงพาณิชย์ Cove Hill บนถนนเจริญกรุง
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ที่ดินใหม่เข้ามาเมื่อเดือนมกราคม 2566 และเตรียมพัฒนาก่อสร้างโรงแรมในแบรนด์ Jono (โจโน่) บนถนนสุขุมวิท 5 ผ่านบริษัทย่อย เข้าสนับสนุนพอร์ตเพิ่มเติม
สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ (Operate) จำนวน 11 โครงการ ประกอบด้วย โครงการซิทาดีนส์ 8, โครงการซิทาดีนส์ 11, โครงการซิทาดีนส์ 16, โครงการโอ๊ควู้ด เรสซิเด้นซ์ สุขุมวิท 24, โครงการโอ๊ควู้ด เจอร์นีย์ฮับ ภูเก็ต, โครงการโอ๊ควู้ด เจอร์นีย์ฮับ พัทยา, โครงการโนโวเทล เชียงใหม่ นิมมาน เจอร์นีย์ฮับ และ วิลล่าภูเก็ต 2&3 และโครงการรีเทล ได้แก่ โครงการ Summer Point เป็นมิกซ์ยูสที่เป็นที่ตั้งครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ รวมถึง 2 โครงการใหม่ คือ โครงการ โจโน่ แบงค็อก ที่สุขุมวิท 16, ไอบิส เชียงใหม่ นิมมาน เจอร์นีย์ฮับ โดยได้เปิดตัว ในไตรมาส 4/2565 จะเข้ามาหนุนรายได้ปี 2566 ให้เติบโตได้มากขึ้น
อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้มีการกระจายความเสี่ยงสู่ธุรกิจกัญชาทางการแพทย์ ดำเนินการภายใต้ บริษัท บีสโปค ไลฟ์ ไซเอนซ์ จำกัด ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการด้านกัญชาอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ที่ร่วมกับองค์กรของภาครัฐ โดยมีร้านค้าปลีกกัญชาในแบรนด์ คณาเพียว(KANA PURE) และคลินิกกัญชาทางการแพทย์ในแบรนด์ คณาคลินิกการแพทย์แผนไทย (KANA Wellness Clinic)
นอกจากนี้ยังขยายสู่ธุรกิจโลจิสติกส์ ผ่าน บริษัท บูทิค โลจิสติกส์ จำกัด (บริษัทย่อย) ภายใต้แบรนด์ GO Storage ในการขนส่งและจัดเก็บสินค้า เป็นกลุ่มธุรกิจไฮมาร์จิ้นที่จะเข้ามาเสริมการเติบโต ของกลุ่ม BC
ที่มา: ไออาร์ พลัส
ไม่มีความคิดเห็น